วันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560

สวัสดีค่ะ สาวกของกินขนมไทยทั้งหลาย วันนี้แหนมจะพาเพื่อนๆไปท่องอยูในโลกของขนมไทย ขนมหวาน ที่ดูน่าลิ้มชิมรสเป็นยิ่งนัก ถ้าอย่างนั้นอย่ารอช้า เราไปท่องโลกขนมไทยกันเลยยยย



สังยาฟักทอง

ส่วนผสม




  • ฟักทอง 1 ลูก ขนาดไม่เกิน 1 กิโลกรัม   
  • ไข่ไก่และไข่เป็ด อย่างละ 3 ฟอง 
  • น้ำตาลปิ๊บ 1/2 กิโลกรัม 
  • กะทิ 1 กล่อง ขนาด 250 ซีซี 
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา 
  • ใบเตย 4-5 ใบ   
  • วิธีทำ

    1. ใช้มีดเจาะไปที่ขั้วฟักทองออกให้เป็นฝา จากนั้นคว้านเอาไส้ออกจนหมดแล้วนำไปล้างให้สะอาด เตรียมไว้
    2. ทำส่วนของสังขยา  ตอกไข่ไก่ใส่อ่างผสม ส่วนไข่เป็ดใช้เฉพาะไข่แดง เติมน้ำตาลปิ๊บ กะทิ เกลือ และใบเตยลงไปในอ่างผสม
    3. ขยำส่วนผสมให้เข้ากันด้วยมือ เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว กรองด้วยตระแกรงตาถี่หรือผ้าขาวบาง
    4. เทสังขยาลงในลูกฟักทอง
    5. ตั้งน้ำให้เดือดจัด แล้วหรี่ไฟลง นำลูกฟักทองลงไปนึ่ง เวลาประมาณ  1-1.30 ชั่วโมง หรือจนกว่าฟักทองและสังขยาสุก ( เวลาในการนึ่ง อาจจะมากหรือหรือน้อย ขึ้นอยู่กับขนาดของฟักทอง )
    6. เมื่อสุกแล้วปิดไฟ ยกลง พักสังขยาฟักทองให้เย็นตัว ค่อยผ่าเป็นชิ้น จัดเสริ์
    ถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากลองทำขนมไทยหากินยากอย่างสังขยาฟักทองด้วยตัวเองแล้วหละก็ แหนมก็มีวีดีโอการทำขนมบุหลันดันเมฆมาฝากเพื่อนๆด้วยละคะ.....






    ขนมบุหลันดั้นเมฆ

    บุหลันดั้นเมฆ” เป็นขนมไทยชาววังที่เลื่องชื่ออีกชนิดหนึ่ง ซึ่งสืบทอดมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 โดยได้แรงบันดาลใจมาจากบทเพลง บุหลันลอยเลื่อนเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ขนมบุหลันดั้นเมฆ หรืออาจเรียกได้อีกชื่อว่า บุหลันดั้นหมอก” ได้ทำเลียนแบบเสมือนความงดงามของดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน มีลักษณะคล้ายขนมน้ำดอกไม้ โดยคำว่าบุหลัน หมายถึงดวงจันทร์ ลักษณะของตัวขนมจะใช้น้ำดอกอัญชันสีฟ้าครามแทนสีของเมฆในเวลากลางคืน และวางไข่แดงตรงกลางแทนดวงจันทร์


    ส่วนผสม
    • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
    • แป้งถั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
    • น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
    • น้ำดอกมะลิ 3 ถ้วยตวง
    • ดอกอัญชัน 12-15 ดอก
    • ไข่ไก่ใช้แต่ไข่แดง 12 ฟอง
    • น้ำตาลทรายบดละเอียด 4 ช้อนโต๊ะ
    วิธีทำ 
    1. ต้มน้ำดอกมะลิ 1 ถ้วยตวงให้เดือดใส่น้ำตาลทรายลงไป พอเดือดสักครู่จึงยกลงทิ้งไว้ให้เย็น
    2. นำดอกอัญชันเด็ดขั้วทิ้ง ล้างเบาๆ ให้สะอาดใส่ไว้ในถ้วยเล็กๆ เทน้ำร้อนจัดลงไป ชง เล็กน้อย จะได้น้ำสีดอกอัญชัน
    3. แป้งข้าวเจ้าใส่ชามรวมกับแป้งถั่ว นวดด้วยน้ำลอยดอกมะลินิดหน่อย นวดไปสักครู่จึงเติมน้ำทั้งหมดลงไปละลายให้เข้ากัน แล้วเติมน้ำเชื่อม 1 ถ้วยตวง และสีอัญชัน 1-2 ช้อนชา
    4. เรียงถ้วยตะไลเล็กๆ ในลังถึง นึ่งในน้ำเดือดพล่าน จนถ้วยร้อนจัด คนแป้งให้ทั่วแล้วตักหยอดให้ถ้วยเต็มโดยเร็ว เสร็จแล้วปิดฝาลังถึงนึ่งไปประมาณ 1 นาที แป้งจะจับขอบถ้วยเล็กน้อย เปิดฝาแล้วนำลังถึงลง หยิบถ้วยขนมเทแป้งส่วนที่ยังไม่สุกออกทุกถ้วย
    5. ใช้ไข่แดงผสมกับน้ำตาลบดละเอียด ตักหยอดกลางถ้วยแทนที่แป้ง เทออกจนเต็ม นึ่งขนมต่อไปจนสุก ยกลงปล่อยให้เย็นจึงใช้ไม้พายเล็กๆ แคะขนมเรียงใส่จาน
    ถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากลองทำขนมไทยหากินยากอย่างบุหลันดั้นเมฆด้วยตัวเองแล้วหละก็ แหนมก็มีวีดีโอการทำขนมบุหลันดันเมฆมาฝากเพื่อนๆด้วยละคะ.....


    วันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2560

     
     
    ขนมโค
     
     ขนมโค ขนมพื้นเมืองภาคใต้อาจจะหาอร่อย ๆ กินยากไปหน่อย แต่ไม่ต้องเดินทางไปถึงภาคใต้หรอกค่ะ แค่อยู่ที่บ้านก็ทำได้นะคะ ตัวแป้งทำเป็นสีธรรมชาติหรือใส่สีตามชอบก็ได้ ใส่ไส้น้ำตาลมะพร้าว คลุกมะพร้าวขูดเพิ่มความอร่อย
     
    ส่วนผสม ขนมโค



         • แป้งข้าวเหนียว
         • น้ำตาลแว่น
         • มะพร้าวขูด (เราหาไม่ได้เลยเอาเนื้อมะพร้าวทึนทึกมาสับ ๆ)
         • เผือกหอมนึ่ง
         • เกลือป่นเล็กน้อย (ใช้สำหรับคลุกกับมะพร้าวขูด)
         • เฮลซ์บลูบอยสีแดง (สีอื่น ๆ หรือน้ำคั้นจากผักสีธรรมชาติ) ไม่ใส่ก็ได้



    วิธีทำขนมโค



         1. ใช้ช้อนกับส้อมบดเผือกนึ่ง เสร็จแล้วนำไปผสมกับแป้งข้าวเหนียว นวดผสมกันจนเป็นก้อน ถ้าส่วนผสมแห้งเกินไปก็เติมน้ำ ถ้าเหนียวไปก็ต้องเติมแป้งเพิ่ม ถ้าต้องการแป้งสีชมพูก็เอาน้ำหวานสีแดงผสมน้ำเปล่าเทใส่ลงไปแล้วนวดจนเข้ากัน
         2. แบ่งแป้งเป็นก้อนกลม ๆ กะปริมาณของแป้งจะต้องมากพอที่จะหุ้มน้ำตาลที่ตัดเตรียมไว้ได้ แผ่เป็นแผ่นบาง กะความหนาให้พอดี วางน้ำตาลลงไปตรงกลาง คลึงให้เป็นก้อนกลม ทำเสร็จแล้วพักไว้
         3. เติมน้ำสะอาดใส่ลงในหม้อ ตั้งไฟกลางรอจนน้ำเดือด ใส่ขนมโคลงไปลวกจนสุก สังเกตจากขนมลอยขึ้นมา ตักไปแช่น้ำเย็นไว้ครู่หนึ่งกันขนมติดกัน (ในสูตรไม่ชอบให้ขนมติดกันเลยใช้วิธีนี้ แต่สูตรเดิมคือไม่ต้องแช่น้ำ)
         4. ตักขนมใส่จาน และนำมะพร้าวขูดคลุกกับเกลือป่นเล็กน้อย เสร็จแล้วก็นำไปคลุกกับตัวขนมหรือจะโรยก็ได้

    ถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากลองทำขนมไทยหากินยากอย่างขนมจีบนกไทยด้วยตัวเองแล้วหละก็ แหนมก็มีวีดีโอการทำขนมบุหลันดันเมฆมาฝากเพื่อนๆด้วยละคะ.....




    

     
     
    ขนมอินทนิล
     
      รู้ไหมคะว่า มีขนมอินทนิลอยู่บนโลกใบนี้ด้วย สมัยนี้ถ้าไปหาซื้อมากินคงไม่มีขายแล้วค่ะ มาทำเองกันดีกว่า  แป้งเหนียว ๆ สีเขียวใบเตย กินคู่กับน้ำกะทิอบควันเทียน ก่อนเสิร์ฟใส่น้ำแข็งลงไปอีกนิด อร่อยมากบอกเลย
     
    ส่วนผสมตัวขนม
     
         • แป้งมันสำปะหลัง 2 ถ้วย
         • น้ำใบเตย 4 ถ้วย
     
    ส่วนผสม น้ำกะทิ
     

         • น้ำกะทิ 4 ถ้วย (หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง กับ หางกะทิ 3 ถ้วยตวง) หรือกะทิกระป๋อง 4 ถ้วยตวง
         • น้ำตาลทราย 1+1/2 ถ้วยตวง
         • เกลือป่น 1 ช้อนชา
         • เทียนสำหรับอบขนม
     
    วิธีทำขนมอินทนิล     1. ทำน้ำกะทิอบควันเทียน โดยเทน้ำกะทิลงอ่าง จุดเทียนอบขนมให้ไฟลามถึงตรงขี้ผึ้งแล้วดับเทียน ใส่เทียนลงในถ้วยเล็ก ๆ แล้วเอาใส่อ่างน้ำกะทิ ปิดฝา อบน้ำกะทิไว้ประมาณ 30 นาที แล้วจุดเทียนอบซ้ำอีก 1-2 ครั้ง ถ้ามีดอกกระดังงาก็เอาไปอบพร้อมเทียนเลย
         2. พอได้น้ำกะทิที่อบควันเทียนแล้วนำขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำตาลทราย และเกลือป่น คนผสมให้ละลาย รอจนเดือดแล้วยกลง
         3. ทำตัวขนม โดยผสมแป้งกับน้ำใบเตย คนให้แป้งละลายเข้ากับน้ำใบเตย นำขึ้นตั้งไฟอ่อน ใช้พายกวนตลอด ระวังอย่าให้ก้นหม้อไหม้ กวนจนขนมสุก ตัวแป้งจะเหนียวและใส พอแป้งสุกทั่วกัน เอาหม้อลงแช่ในอ่างน้ำแข็งเพื่อลดอุณหภูมิตัวขนมไม่ให้ร้อนเกินไป เดี๋ยวจะจับเป็นตัวไม่ได้
         4. เตรียมถ้วยใส่น้ำไว้คอยจุ่ม ป้องกันขนมติดมือ ใช้นิ้วเปียก ๆ หยิบแป้งปั้นให้กลม ๆ ขนาดพอดีคำ แล้วหย่อนลงน้ำกะทิที่เตรียมไว้ ทำจนแป้งหมด ตัวขนมอินทนิลที่ดี ต้องไม่แข็งเป็นไตตรงกลาง ตักขนมใส่ถ้วย ใส่น้ำแข็งทุบ จัดเสิร์ฟ
    

    ถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากลองทำขนมไทยหากินยากอย่างขนมจีบนกไทยด้วยตัวเองแล้วหละก็ แหนมก็มีวีดีโอการทำขนมบุหลันดันเมฆมาฝากเพื่อนๆด้วยละคะ.....