วันเสาร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2560


ขนมจีบนกไทย

ถ้าอยากทำขนมจีบเอาใจคนพิเศษ นี่เลยขอนำเสนอขนมจีบนกไทย ขนมไทยโบราณที่ต้องใช้ความประณีตในการจับจีบตัวแป้ง ให้เป็นตัวนก มาพร้อมส่วนผสมไส้กุ้ง ถ้าใครทำให้นะ รักตายเลย

ส่วนผสมไส้ขนมจีบ

     • กระเทียม 3 กลีบ
     • รากผักชี 4-5 ราก
     • พริกไทย (ปริมาณมาก-น้อยตามชอบ)
     • หอมใหญ่ (ขนาดกลาง) สับละเอียด 1 หัว
     • เนื้อกุ้งสับละเอียด 400-500 กรัม
     • น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
     • เกลือ 1 ช้อนชา
     • ถั่วลิสงคั่วบดหยาบ

ส่วนผสมแป้งขนมจีบ

     • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
     • แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ
     • แป้งเท้ายายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ
     • หัวกะทิ 3 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำเปล่า 1 ถ้วย
     • สีผสมอาหารสีเหลือง, สีชมพู, สีฟ้า, สีม่วง

วิธีทำไส้ขนมจีบ

1. โขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทยเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
2. ตั้งกระทะแล้วใส่น้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย พอร้อนใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงไปผัดให้หอม ใส่หอมใหญ่สับลงไปผัดจนนิ่ม ใส่เนื้อกุ้งสับลงไปผัดให้สุกเล็กน้อย 
3. ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ ตามด้วยน้ำตาลทราย และเกลือ ผัดผสมให้เข้ากันจนเริ่มงวด 
4. ใส่ถั่วลิสงคั่วบด ผัดให้เข้ากันจนแห้งจนสามารถปั้นเป็นก้อนได้ ตักใส่จาน พักทิ้งไว้จนเย็น
5. ระหว่างที่รอไส้เย็น เตรียมผักทั้งหมดให้พร้อม หั่นแครอทเป็นสามเหลี่ยมสำหรับทำเป็นปากนก และเตรียมงาดำสำหรับทำเป็นตาเอาไว้
6. พอส่วนผสมไส้เย็นแล้ว นำมาปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ขนาดพอดีคำ เตรียมไว้

วิธีทำแป้งขนมจีบ

  1. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และแป้งเท้ายายม่อมเข้าด้วยกันในอ่างผสม ใส่หัวกะทิลงไป นวดผสมด้วยมือ 
  2. เติมน้ำเปล่าลงไป ใช้มือนวดผสมจนแป้งละลายและไม่เป็นเม็ด เทกรองผ่านผ้าขาวบาง เทส่วนผสมแป้งลงกวนในกระทะทองด้วยไฟอ่อน กวนจนแป้งล่อนออกจากกระทะ 
  3. นำมานวดโดยโรยแป้งมันลงไปเล็กน้อยเพื่อกันติดด้วย ใช้ตัวช่วยนวดแป้งป้องกันมือพอง พอแป้งอุ่นแล้วก็ใช้มือนวดแป้งตามปกติ
  4. แบ่งแป้งเป็น 4 ส่วนแล้วนวดผสมกับสีผสมอาหารทั้ง 4 สี (ผสมสีกับแป้งนิดเดียวพอ สีจะได้ออกมาแบบธรรมชาติ 
  5. ห่อแป้งแต่ละสีด้วยพลาสติกถนอมอาหาร (แป้งจะได้ไม่แห้ง) จากนั้นตัดแป้งแต่ละสีเป็นก้อน ๆ ขนาดให้ใหญ่กว่าไส้นิดหนึ่ง
  6. ปั้นแป้งเป็นก้อนกลม ๆ แล้วขึ้นรูปให้คล้ายผลชมพู่ กดก้นให้เป็นเบ้าลึก (พอให้ใส่ไส้ได้) นำไส้ใส่ลงไปในหลุมแป้ง แล้วห่อปิดแป้งให้มิด จากนั้นทำให้รูปร่างให้เป็นนก ใส่ปากแครอท ติดตางาดำ เตรียมไว้
  7. ใช้แหนบบีบเพื่อทำจีบที่ตัวขนมให้มีลักษณะคล้ายปีกนกให้สวยงาม
  8. ใส่ขนมจีบลงในชุดนึ่งที่รองใบตองไว้ พรมน้ำลงไป จากนั้นปิดฝานึ่งด้วยไฟแรง นาน 5 นาที
  9. เมื่อครบ 5 นาทีให้พรมน้ำอีกครั้ง จากนั้นทาน้ำมันกระเทียมเจียวให้ทั่วขนม
 10. จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมผักกาดหอม ผักชี และพริกชี้ฟ้าแดง

ถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากลองทำขนมไทยหากินยากอย่างขนมจีบนกไทยด้วยตัวเองแล้วหละก็ แหนมก็มีวีดีโอการทำขนมบุหลันดันเมฆมาฝากเพื่อนๆด้วยละคะ.....




ขนมช่อม่วง

  สมัยนี้ขนมช่อม่วงหากินยาก ถ้ามีขายก็ราคาแพง ถ้าใครมีเวลาว่างอยากชวนมาทำกินกันเอง มีทั้งสูตรส่วนผสมแป้งและไส้หมู ขั้นตอนอาจเยอะแต่ไม่ยากค่ะ วิธีการจับจีบแรก ๆ อาจมือไม้สั่น แต่ถ้าทำไปเรื่อย ๆ รับรองออกมาสวยแน่นอน 

ส่วนผสมไส้ช่อม่วง

     • น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
     • หมูสามชั้นต้มสุก 1/4 ถ้วย (หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ)
     • ฟักเชื่อมแห้ง 150 กรัม (หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ)
     • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
     • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
     • งาขาวคั่ว 50 กรัม
     • ถั่วลิสงคั่ว 50 กรัม

ส่วนผสมแป้งช่อม่วง

     • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
     • แป้งเท้ายายม่อม 1/2 ช้อนโต๊ะ
     • แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำลอยดอกมะลิ 1 ถ้วย (หรือน้ำผสมกลิ่นมะลิ)
     • ดอกอัญชัน 10 ดอก
     • แป้งมันสำปะหลัง เล็กน้อย (สำหรับทาแหนบตอนจับจีบขนม)
     • ผักกาดหอม สำหรับเสิร์ฟ
     • กระเทียมเจียว (โรยหน้า)
     • พริกขี้หนูสวน (โรยหน้า)

วิธีทำไส้ขนมช่อม่วง

1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชลงไป เอาหมูสามชั้นที่หั่นไว้ลงไปผัด ใช้ไฟปานกลาง รอจนน้ำมันหมูออกมาและหมูเริ่มสุกสีเหลือง 
2. ใส่ฟักเชื่อมลงไปผัดใช้ไฟอ่อน ปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาลทราย ใส่งาขาวและถั่วลิสงลงไป ผัดให้เข้ากันดีจนแห้ง ตักใส่ชาม เตรียมไว้ 

วิธีทำดอกขนมช่อม่วง

1. เริ่มทำดอกช่อม่วงโดยปั้นแป้งให้เป็นก้อนกลม ๆ ประมาณ 3/4 นิ้ว แล้วแผ่แป้งให้เป็นแผ่นบาง ๆ กะพอให้หุ้มไส้ได้จนมิด ตักไส้ที่ผัดไว้ใส่ลงไปแล้วห่อจากมุมเข้าหากัน จากนั้นใช้มือคลึงให้แป้งหุ้มไส้จนมิด ทำจนหมด เตรียมไว้
2. เริ่มทำจีบโดยเอาทาแป้งข้าวเจ้าที่ปลายแหนบทองเหลืองเล็กน้อย เริ่มจับจีบชั้นที่ 1 โดยจับจากกึ่งกลางของขนม จับจีบวนไปเรื่อย ๆ จนครบรอบ (อย่าจับจีบให้ติดกันมาก)
3. เริ่มชั้นที่ 2 โดยจับจีบให้เอียงจากชั้นแรกเล็กน้อย (ประมาณ 45 องศา) และสับหว่างกันกับชั้นแรก จับจีบจนครบรอบ
4. เริ่มจับจีบชั้นที่ 3 ประมาณ 2-3 จีบและสับหว่างกันกับกลีบชั้นที่ 2 
5. นำไปเรียงบนใบตองที่ทาน้ำมันแล้วในชุดนึ่ง โดยวางเรียงห่างกันเล็กน้อยเวลาสุกจะได้ไม่ติดกัน 
6. ตั้งชุดนึ่งใช้ไฟแรง รอจนน้ำเดือดจัดจึงนำขนมไปนึ่งนานประมาณ 5 นาที
7. พอสุกแล้วนำช้อนจุ่มน้ำมันพืชตักช่อม่วงใส่จาน เสิร์ฟคู่กับผักกาดหอม และพริกขี้หนูสวน

ถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากลองทำขนมไทยหากินยากอย่างช่อม่วงด้วยตัวเองแล้วหละก็ แหนมก็มีวีดีโอการทำขนมบุหลันดันเมฆมาฝากเพื่อนๆด้วยละคะ.....







ขนมเปียกปูนกะทิสด
 ขนมเปียกปูนชิ้นสี่เหลี่ยมก็เคยลองแล้วและยังหากินได้อยู่ แต่ถ้าเป็นขนมเปียกปูนกะทิสด อยากบอกว่าไม่เคยเห็นเลยล่ะ เอาล่ะ… มาทำกินกับคนพิเศษกัน ขนมเปียกปูนใส่ใบเตย ราดกะทิรสเค็ม โรยงาขาวคั่ว บอกเลยว่าทำไม่ยากอย่างที่คิด

ส่วนผสม

     • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
     • แป้งมัน 1/4 ถ้วยตวง
     • น้ำปูนใส 1 ถ้วยตวง
     • น้ำใบเตย 2 ถ้วยตวง
     • เกลือเล็กน้อย
     • น้ำตาลทรายแดง 1/4 ถ้วยตวง
     • น้ำตาลปี๊บ 120 กรัม
     • กะทิ 500 กรัม
     • เกลือแค่หยิบมือ
     • แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนชา (จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ แต่ที่ใส่เพื่อให้น้ำกะทิข้น)
     • งาขาวคั่ว

วิธีทำ

1. นำแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำปูนใส และน้ำใบเตยผสมกันและนวดจนเข้ากันดี ใส่เกลือ น้ำตาลทรายแดง และน้ำตาลปี๊บ นวดต่อจนเข้ากันดี กรองส่วนผสมแป้งด้วยตะแกรง 1 รอบ
2. ตั้งกระทะเปิดไฟปานกลาง ใส่แป้งลงไปกวน พอแป้งเริ่มจับตัวเป็นก้อนให้ลดเป็นไฟอ่อน ค่อย ๆ กวนต่อจนส่วนผสมเนียนเข้ากันดี สังเกตจากการเอาไม้พายตักแป้งขึ้นมา ถ้าแป้งเหนียวติดไม้พายก็ใช้ได้แล้ว ตักขนมเปียกปูนใส่ถุงบีบ และใช้หัวบีบแต่งหน้าเค้ก บีบใส่ถ้วย
3. ใส่หัวกะทิลงในหม้อ ตามด้วยเกลือ ใส่แป้งข้าวเจ้า คนผสมจนเดือด เสร็จแล้วตักกะทิราดหน้าขนมเปียกปูน โรยงาขาวคั่ว 

ถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากลองทำขนมไทยหากินยากอย่างเปียกปูนกะทิสดด้วยตัวเองแล้วหละก็ แหนมก็มีวีดีโอการทำขนมบุหลันดันเมฆมาฝากเพื่อนๆด้วยละคะ.....





บัวลอยไข่หวาน

ขนมหวานเชื่อว่าทุกคนต้องชอบ กับบัวลอยเนื้อเหนียวๆ สีสันสดใส กินกับน้ำกะทิหอมๆ มาพร้อมไข่หวาน กินตอนร้อนๆ และรู้ไหมว่า บัวลอยไข่หวาน กินก่อนนอน จะช่วยให้นอนหลับสนิท ทั้งอร่อยและมีประโยชน์แบบนี้ แหนมก็ไม่พลาดที่จะนำเรื่องราวดีๆ มาบอกต่อ กับวิธีทำบัวลอยไข่หวาน ด้วยขั้นตอนดังนี้

ส่วนผสม

  • แป้งข้าวเหนียว 500 กรัม
  • น้ำตาลปึก 1 ถ้วย
  • หัวกะทิ 5 ถ้วย
  • เกลือป่น 1 ช้อนชา
  • ไข่ไก่
วิธีทำ

  1. นำแป้งข้าวเหนียวใส่ลงในภาชนะสำหรับผสม ถ้าทำประมาณ 8-10 ถ้วย ควรใช้แป้งประมาณ 500 กรัม ไม่ควรผสมหมดทั้ง 500 กรัม ควรเหลือแป้งไว้นิดหน่อย เผื่อเวลาผสมแป้งเหลวเกินไปจะได้เติมแป้งส่วนที่เหลือ นำแป้งนวดกับน้ำเปล่า นวดจนแป้งจับตัวเป็นก้อน แล้วแบ่งออกเป้นส่วนๆ เพื่อนำไปผสมเข้ากับสีผสมอาหาร
  2. จากนั้นปั้นแป้งเป้นเม็ดกลมเล็ก นำไปต้มจนแป้งสุกและลอยขึ้นมา ตักขึ้นมาใส่ชามที่มีน้ำพักไว้
  3. นำหัวกะทิใส่หม้อ และเติมน้ำเปล่าลงไปนิดหน่อย โดยอัตราส่วนประมาณ กะทิ 3 ส่วน น้ำเปล่า 1 ส่วน ตั้งไฟอ่อน เติมน้ำตาลปึกลงไป เคี่ยวด้วยไฟอ่อน ต้องมั่นคนเพราะอาจจะทำให้กะทิไหม้ได้ แล้วใส่เกลือตามลงไปเล็กน้อย ต้มจนกะทิเดือดอ่อนๆ ทั่วทั้งหม้อ จากนั้นก็ดับไฟ
  4. เมื่อกะทิเดือดทั่วทั้งหม้อจึกตอกไข่ใส่ลงไป ต้มจนไข่สุกลอย
  5. ถึงเวลาเสิร์ฟก็ตักบัวลอยและตามด้วยน้ำกะทิราดลงไป และตักไข่ตามลง
ถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากลองทำขนมไทยหากินยากอย่างบัวลอยไข่หวานด้วยตัวเองแล้วหละก็ แหนมก็มีวีดีโอการทำขนมบุหลันดันเมฆมาฝากเพื่อนๆด้วยละคะ.....




สังยาฟักทอง

ส่วนผสม


  • ฟักทอง 1 ลูก ขนาดไม่เกิน 1 กิโลกรัม   
  • ไข่ไก่และไข่เป็ด อย่างละ 3 ฟอง 
  • น้ำตาลปิ๊บ 1/2 กิโลกรัม 
  • กะทิ 1 กล่อง ขนาด 250 ซีซี 
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา 
  • ใบเตย 4-5 ใบ   
  • วิธีทำ

    1. ใช้มีดเจาะไปที่ขั้วฟักทองออกให้เป็นฝา จากนั้นคว้านเอาไส้ออกจนหมดแล้วนำไปล้างให้สะอาด เตรียมไว้
    2. ทำส่วนของสังขยา  ตอกไข่ไก่ใส่อ่างผสม ส่วนไข่เป็ดใช้เฉพาะไข่แดง เติมน้ำตาลปิ๊บ กะทิ เกลือ และใบเตยลงไปในอ่างผสม
    3. ขยำส่วนผสมให้เข้ากันด้วยมือ เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว กรองด้วยตระแกรงตาถี่หรือผ้าขาวบาง
    4. เทสังขยาลงในลูกฟักทอง
    5. ตั้งน้ำให้เดือดจัด แล้วหรี่ไฟลง นำลูกฟักทองลงไปนึ่ง เวลาประมาณ  1-1.30 ชั่วโมง หรือจนกว่าฟักทองและสังขยาสุก ( เวลาในการนึ่ง อาจจะมากหรือหรือน้อย ขึ้นอยู่กับขนาดของฟักทอง )
    6. เมื่อสุกแล้วปิดไฟ ยกลง พักสังขยาฟักทองให้เย็นตัว ค่อยผ่าเป็นชิ้น จัดเสริ์
    ถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากลองทำขนมไทยหากินยากอย่างสังขยาฟักทองด้วยตัวเองแล้วหละก็ แหนมก็มีวีดีโอการทำขนมบุหลันดันเมฆมาฝากเพื่อนๆด้วยละคะ.....